เทรนด์รักสุขภาพกำลังมา ไม่ว่าใครที่ไหนตอนนี้ก็ต้องมีเพื่อนฝูง หรือเข้าก๊วนไปออกกำลังกายกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะออกไปวิ่ง เข้าฟิตเนส เล่นโยคะ ปั่นจักรยาน เข้าคลาสทำอาหารคลีนก็มี เห็นชัดเจนเลยว่าผู้คนกลับมาให้ความสำคัญกับการรักษาสุขภาพกันมากขึ้น
พอเริ่มมีก๊วนออกกำลัง เราก็มีแรงจูงใจให้ออกกำลัง บางคนหมั่นฝึกซ้อมออกกำลังเพื่อที่จะตามเพื่อนในกลุ่มให้ทันถึงขั้นทุ่มเทเสียเงินจ้างเทรนเนอร์ เอาจริงเอาจังถึงที่สุด แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้หรือเข้าใจตัวเองมากน้อยแค่ไหน ว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่แทนที่จะทำให้สุขภาพของเราดีขึ้น ฟิตขึ้น แต่กลับแย่ลงและไม่ส่งผลดีเลย ดังนั้นการหาความสมดุลให้กับไลฟ์สไตล์แนวนี้ก็ต้องให้ความสำคัญ
มร.หลุยส์ ลายย์ ผู้จัดการประจำประเทศในกลุ่มภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมร.อเล็กซานเดอร์ ฮีลีย์ ผู้จัดการการตลาดบริหารด้านผลิตภัณฑ์ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดงานเปิดตัว “ฟิตบิท ไอออนิค” (Fitbit Ionic) สมาร์ทวอทช์เพื่อสุขภาพเครื่องแรกที่เบาที่สุดของฟิตบิท ด้วยฟังก์ชั่นการออกกำลังกายแบบจัดเต็มในเครื่อง มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ตรวจวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดสัมพัทธ์ (relative SpO2 Sensor) ที่สามารถต่อยอดเพื่อการติดตามข้อมูลสุขภาพเชิงลึก เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ (sleep apnea) ในอนาคตได้ อีกทั้งยังมาพร้อมกับจีพีเอสในตัว โปรแกรมสอนการออกกำลังกายในตัว การตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจที่ทรงประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย และกันน้ำลึกได้ 50 เมตร รวมถึงสมาร์ทฟีเจอร์มากมาย โดยได้เนรมิต
ฟิตเนสเซ็นเตอร์ของโรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิทให้เป็นสถานที่จัดงาน พร้อมชวนคุณหมอและเทรนเนอร์คนเก่งร่วมให้ความรู้กันแบบอัดแน่น พร้อมสาธิตการตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจกับ
ฟิตบิทไอออนิคภายในงานอีกด้วย
นายแพทย์วิโรจน์ ตระการวิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลนครธน ได้พูดถึงเรื่องการหาสมดุลให้กับร่างกายของแต่ละคนไว้อย่างน่าสนใจว่า “ปัจจุบันเทรนด์การออกกำลังกายเป็นที่แพร่หลายอย่างมาก สังเกตได้ว่ามีการแข่งขันวิ่งมาราธอนแทบจะทุกอาทิตย์ บอกได้ว่าคนเริ่มกลับมาให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายอีกครั้ง บางคนซุ่มซ้อมอย่างจริงจัง จนบางครั้งไม่มีเวลาพักผ่อน หรือรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เลย อาจส่งผลไม่ดีต่อร่างกายไม่ว่าจะเป็น สุขภาพกาย สุขภาพจิต และสมอง เนื่องจากความเครียด เพราะฉะนั้นจึงต้องรู้จักรักษาบาลานซ์ให้กับตัวเรา คนแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรรู้จักลิมิตของตัวเราเองก่อน ปัจจุบันก็มีอุปกรณ์มากมายเข้ามาให้เลือกใช้ซึ่งนับเป็นตัวช่วยที่ดี ให้เราได้รู้ถึงการเต้นหัวใจของเราว่าเป็นอย่างไร ในขณะที่เราวิ่งเหยาะ ๆ เร่งความเร็ว วิ่งขึ้นเนิน หรือบอดี้เวทเทรนนิ่ง เมื่อรู้และเข้าใจหัวใจของเราแล้ว ก็จะสามารถวางแผนการออกกำลัง การรับประทานอาหาร และการพักผ่อน เพื่อให้เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุดได้ง่ายยิ่งขึ้น”
“โค้ชมิคกี้” นนท์ อัลภาชน์ ณ ป้อมเพชร เทรนเนอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกายชื่อดัง ยังได้แนะนำเทคนิคดี ๆ เกี่ยวกับการออกกำลังกายที่สัมพันธ์กับอัตราการเต้นหัวใจ เพื่อการเบิร์นที่ได้ผลว่า “เราควรจะรู้และเข้าใจการเต้นหัวใจของเราให้ดี เพราะการออกกำลังกายที่ทำให้หัวใจเต้นในระดับสูงจนเกินไป อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ เพราะเส้นเลือดจะสูบฉีดมาก หัวใจเต้นเร็ว อาจทำให้ช็อคหมดสติ หรือเส้นเลือดแตกได้ หากเข้าใจ “ฮาร์ทเรตโซน” (Heart Rate Zone) หรือระดับอัตราการเต้นของหัวใจที่เหมาะสมในการออกกำลังกายของเราได้แล้วก็จะสามารถกำหนดวิธีและโปรแกรมการออกกำลังกายเพื่อเบิร์นให้เห็นผลได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อหัวใจเราได้อย่างมากที่สุด และยังส่งผลให้มีการนอนหลับที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การออกกำลังกายอย่างหนักจนเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะเครียดและอาจทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ จึงต้องบาลานซ์การออกกำลังกายและการพักผ่อนของเราให้ดี เพื่อผลที่ดีที่สุดต่อร่างกาย”การออกกำลังกายอย่างเหมาะสมที่เกิดจากการบาลานซ์ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยเสริมสร้าง เพื่อผลลัพธ์ทางสุขภาพที่ดีขึ้น
โค้ชมิคกี้นำทีมออกกำลังกายด้วยท่า Body Drop เริ่มด้วยการแยกขาระดับไหล่แล้วโน้มตัวไปที่พื้นพยายามเอามือแตะกับพื้นแล้วค่อย ๆ คลานด้วยมือไปด้านหน้าจนลำตัวเหยียด พยายามยืดตัวให้แขนและหลังตึงแล้วคลานกลับมาที่ท่ายืน ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ หรือเร่งความเร็วเพื่อเพิ่มอัตราการเต้นหัวใจให้มากขึ้น
ตรวจวัดอัตราการเต้นหัวใจให้อยู่ในฮาร์ทเรตโซน ว่าเราอยู่ในโซนไหน เมื่อเรารู้และเข้าใจฮาร์ทเรทโซนของตัวเองแล้วจะสามารถปรับลักษณะการออกกำลังเพื่อเร่งการเต้นของหัวใจและเพิ่มการเผาผลาญไขมันให้มากยิ่งขึ้น
“ไอออนิค” สมาร์ทวอทช์เพื่อสุขภาพเครื่องแรกของฟิตบิท ที่มีฟังก์ชั่นโค้ชการออกกำลังกายส่วนตัวบนข้อมือ
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Fitbit Ionic ได้ที่ https://www.fitbit.com/ionic
บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงานเพจ Mover
mover.in.th@gmail.com