พารำลึกถึงนาฬิกาหน้าปัดไอคอนนิคสุดคลาสสิคของ G-SHOCK 5000 Series

บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด (CMG) ผู้นำเข้านาฬิกาCASIO อย่างเป็นทางการในประเทศไทย  เผยโฉมนาฬิกา G-SHOCK 5000 Series รุ่น Full Metal ใหม่ล่าสุด นับเป็นครั้งแรกที่ G-SHOCK ผลิตนาฬิกาโดยใช้วัสดุแสตนเลส สตีลทั้งตัวเรือน เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 35 ปี ของ G-SHOCK

โดยนาฬิการุ่นพิเศษนี้ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาต้นแบบรุ่น ORIGINS  ที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 1983พร้อมดีไซน์สไตล์สตรีท ลักซ์ชัวรี่ ที่เท่ห์แบบไร้กาลเวลา ด้วยตัวเรือนที่ทันสมัย เงางาม และคงต้นแบบหน้าเหลี่ยมของG-SHOCK ไว้ นาฬิการุ่น Full Metal ที่เปิดตัวในประเทศไทยเป็นครั้งแรกมีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น GMWB5000D-1 (Silver Edition) และ GMW5000TFG-9 (Gold Limited Edition)  และรุ่นพิเศษ GMW-B5000TFG-9 (Porter Limited Edition) สีดำ

งานเปิดตัวครั้งนี้จัดขึ้นที่ โถงเปียโน ชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ชิดลม เพื่อฉลองครบรอบ 35 ปีของ G-SHOCK และตัวเรือนไอคอนนิครูปทรงสี่เหลี่ยม หน้าปัดทรง ORIGINS  ที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของ G-SHOCK  โดยครั้งนี้ได้รับเกียรติจากเซเลบบริตี้แถวหน้าของเมืองไทย และผู้บริหาร อย่าง คุณโคจิ ชินโจ กรรมการผู้จัดการบริษัท CASIO MARKETING ประเทศไทย จำกัด คุณวิโรจน์ สุขพิทักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส CASIO & HARDLINEและ คุณ ‘ป๊อก’ ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์ แขกรับเชิญสุดพิเศษในครั้งนี้ที่มาร่วมเดินทางย้อนรำลึกนวัตกรรมและความสำเร็จอันแข็งแกร่งของ G-SHOCK ORIGINS  ตลอด 35 ปีที่ผ่านมา

เพื่อเป็นการฉลองวาระที่สำคัญครั้งนี้ CASIO G-SHOCK ได้จัดแสดงนิทรรศการ G-SHOCK ORIGINS  ที่เผยให้เห็นถึงแรงบันดาลใจและความพยายามของ มร. คิคูโอะ อิเบะ อันเป็นต้นกำเนิดของนาฬิกา G-SHOCK ที่ทนทานต่อแรงกระแทก ซึ่งเป็นจุดกำเนิดที่ทำให้แตกต่างจากนาฬิกาอื่นๆ ที่มีอยู่ในสมัยนั้น

ผมต้องการสร้างนาฬิกาที่ไม่พังแม้จะทำตก โจทย์อันท้าทายที่ มร. คิคูโอะ อิเบะได้รับมอบหมายเมื่อ 35 ปีก่อนในห้องประชุม แนวคิดที่แสนเรียบง่ายแต่ยากที่จะปฏิบัติในช่วงเวลานั้นกับเครื่องประดับอย่างนาฬิกา ตัวแทนของความแม่นยำที่ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนอันละเอียดอ่อนและบอบบาง มร.คิคูโอะทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิจัย และทดลองโยนนาฬิกาเรือนแล้ว เรือนเล่าออกออกจากออฟฟิศของเขาบนตึกสูง โดยไม่ประสบความสำเร็จเลย แต่แล้วโชคชะตาก็เข้าข้าง เมื่อ มร.คิคูโอะ ออกไปพักสูดอากาศนอกหน้าต่าง และได้มองเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เล่นลูกบอลยางอยู่นอกหน้าต่าง ภาพที่เห็นนั้นได้สร้างแรงบันดาลใจในการออกแบบโครงสร้างนาฬิกาแบบใหม่อันเป็นเอกลักษณ์ โดยออกแบบให้ตัวกลไกและฟันเฟืองต่างๆ อันเป็นหัวใจหลักของนาฬิกา มีโครงสร้างแบบลอยตัว เพื่อลดแรงกระแทก เพิ่มความต้านทาน จนกลายมาเป็นนาฬิกาอันทรงพลังอย่าง G-SHOCK ในทุกวันนี้

นับตั้งแต่การเผยโฉมนาฬิการุ่นแรกอย่าง ORIGINS  ในปี 2526 นาฬิกา G-SHOCK ORIGINS  ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม ทำให้นาฬิการุ่น ORIGINS  เป็นที่รู้จักด้วยเอกลักษณ์ตัวเรือนรูปทรงสี่เหลี่ยม และเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายต่อมา ตลอด 35 ปีที่ผ่านมา G-SHOCK ยังยึดมั่นในการนำเทคโนโนโลยีการกันกระแทกที่โดดเด่น (Shock – Resistance) จากรุ่น ORIGINS  ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของแบรนด์ มาต่อยอดและพัฒนานาฬิกาอื่นๆผ่านคุณสมบัติ 4 ประการดังต่อไปนี้

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา G-SHOCK เน้นการสร้างสรรค์นาฬิกาที่มีมาตรฐานชั้นนำของโลก โดยพิถีพิถันในการเลือกใช้วัสดุและโครงสร้างที่มีคุณภาพสูง จากเดิมด้วยสายเรซิน พัฒนาจนมาถึงเรือนแสตนเลส สตีลล้วนแบบ Full Metal ในปัจจุบัน นอกจาก นาฬิกา G-SHOCK รุ่นใหม่แล้ว ยังมีฟังก์ชันอื่นๆที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย และคล่องตัวในการใช้นาฬิกา อาทิ ไฟหลัง LED พลังงานแสงอาทิตย์ การควบคุมวิทยุ โหมดกีฬา ความต้านทานต่ออุณหภูมิ และฟังก์ชันการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน นาฬิกา GMW-B5000 รุ่นล่าสุดนี้แสดงให้เห็นถึงแก่นแท้อันดั้งเดิมของนาฬิกา G-SHOCK รุ่น ORIGINS  ที่แท้จริงที่ประสานกับนวัตกรรมทันสมัยที่คัดสรรตั้งแต่วัสดุแบบใหม่จนถึงโครงสร้างตัวเรือนและฟังก์ชั่นการใช้งาน ทั้งยังใช้โครงสร้างแบบใหม่ที่ทนต่อแรงกระแทกได้มากขึ้น โดยใช้วัสดุเรซินคุณภาพสูงผสานเข้ากับรอยต่อระหว่างตัวเรือนสตีลและขอบตัวเรือนเพื่อดูดซับแรงกระแทก

นาฬิกา GMW-B5000 เสริมฟังก์ชั่น Connected Engine ที่เชื่อมต่อเวลาเซิฟเวอร์กลางผ่านทางสมาร์ทโฟนและสัญญาณวิทยุเวลา โดยผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อนาฬิการุ่นนี้ผ่านแอพพลิเคชั่น G-SHOCK Connected บนสมาร์ทโฟน เพื่อการใช้งานที่สะดวกง่ายต่อการตั้งค่ายิ่งขึ้น เช่น การตั้งเวลามาตรฐานโลกและฟังก์ชั่นตั้งปลุก เป็นต้น รับรองความเที่ยงตรงของนาฬิการุ่น GMW-B5000 ทุกการใช้งานทั่วทุกมุมโลก


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com