Type to search

Lifestyle

5 แอปออกกำลังกาย หุ่นเฟิร์มง่ายๆ เหมือนจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัว

Share

ในยุคแห่งความทันสมัย และโลกแห่งการใช้งานโทรศัพท์สมาร์ทโฟน แอปพลิเคชันถือเป็นสุดยอดเครื่องมือที่ช่วยเหลือให้เราสามารถใช้ชีวิตได้สบาย และง่ายมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่ง “การออกกำลังกาย” ก็ถือเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของคนสมัยใหม่ ที่เริ่มนิยม และเข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยเวลาอันน้อยนิด การออกกำลังกายอย่างสมบูรณ์ และถูกวิธีจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แอปพลิเคชันจึงเข้ามาแก้ปัญหาในส่วนนี้ได้อย่างลงตัวพอดี

แอปออกกำลังกาย จึงกำเนิดขึ้นมาด้วยเหตุผลของด้านเวลา การใช้จ่าย และความถูกต้อง กล่าวได้ว่าการออกกำลังกายที่ดี เราจำเป็นต้องมีเวลาที่มากพอ และมีทุนสำหรับจัดจ้างเทรนเนอร์เพื่อมาสอนการออกกำลังกายให้ถูกต้อง โดยแอปออกกำลังกายจะแก้ปัญหาด้วยคำแนะนำ และบทความเสริมความรู้ที่ดีในการออกกำลังกาย อีกทั้งยังลดเรื่องค่าใช้จ่ายต่อการจัดจ้างเทรนเนอร์ อุปกรณ์ต่างๆ รวมไปถึงเทคนิคที่ถูกต้องต่อการออกกำลังกาย ซึ่งวันนี้ MOVER จะขอหยิบแอปออกกำลังกาย 5 แบบมาแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกัน

1 | Fitbit Coach

 

Fitbit Coach ถือเป็นแอปออกกำลังกาย แอปแรกเลยที่ผมคิดถึง และอยากหยิบมาแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จัก เพราะ Fitbit Coach เป็นแอปที่จะสอนการออกกำลังกายสไตล์บอดี้เวทให้แก่เราโดยตรง ซึ่งจะเป็นการสอนเราทางคลิปวีดีโอ ที่จะมีเทรนเนอร์มืออาชีพมาจำลองท่าที่เราต้องเล่นให้เห็นอย่างชัดเจน และแต่ละท่ายังมีช่วงเวลาในการเล่น พร้อมจำนวนแคลอรี่บอกเราได้รู้อีกด้วย

Fitbit Coach มีทั้งหมด 4 โปรแกรมให้เราได้เลือกฝึกฝน ประกอบไปด้วย สร้างความแข็งแรง (Get Strong) สร้างความเพรียว (Get Lean) เล่นสม่ำเสมอทุกวัน (Daily Dose) และขยับร่างกาย (Get Moving) ตัวแอปจะปรับรูปแบบการออกกำลังกายของเราไปตามความต้องการ เป้าหมาย และความสามารถของตัวเรา เปรียบได้ดั่งเทรนเนอร์ส่วนตัว ที่อยู่ใกล้เรายิ่งกว่าคนจริงๆ เสียอีก

2 | JEFIT Workout Planner Gym Log

 

JEFIT Workout Planner Gym Log จะแตกต่างไปจากแอป Fitbit Coach อย่างชัดเจน เพราะถ้าหากแอป Fitbit Coach โฟกัสไปที่การเล่นบอดี้เวท ซึ่งช่วยลดจำนวนแคลอรี่ออกไปด้วยท่วงท่าที่ถูกต้องเป็นหลัก JEFIT Workout Planner Gym Log ก็จะเป็นแอปที่จะโฟกัสไปที่การสร้างกล้ามเนื้อให้ดูแข็งแรง และงดงามขึ้นแทน

JEFIT Workout Planner Gym Log จะสอนท่วงท่าในการยกดัมเบลล์ที่ถูกวิธีให้แก่เรา ตัวแอปมีฟีเจอร์คล้ายๆ กับ Fitbit Coach ทั้งสอนการเล่นท่าที่ถูกต้องผ่านคลิปวีดีโอ โปรแกรมแนะนำการเล่นที่หลากหลาย ฟีเจอร์การคำนวณและเก็บสถิติอย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังแชร์ข้อมูลร่วมกับผู้ใช้อื่นๆ จากทั่วโลกได้อีกด้วย

3 | วิธีออกกำลังกาย ภายใน30 วัน

 

วิธีออกกำลังกาย ภายใน30 วัน เป็นแอปออกกำลังกายที่น่าสนใจอีกแอปหนึ่ง เพราะมันมาพร้อมกับไอเดียการออกกำลังที่ดูเหมือนง่ายแสนง่าย อย่างการลดหุ่นได้ดูดีภายในเวลาเพียง 30 วัน โดยจุดเด่นของแอปตัวนี้คือการแนะการออกกำลังกายที่บ้านอย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีออกกำลังกาย ภายใน30 วัน มาพร้อมกับหลักสูตรการออกกำลังกายด้วยเวลาเพียง 30 วัน โดยในทุกวันตัวแอปจะปรับระดับการออกกำลังกายจากเบา และยากขึ้นไปตามลำดับ ตัวแอปมีฟีเจอร์แจ้งเตือนให้เราไปออกกำลังกาย มีฟีเจอร์สอนด้วยคลิปวีดีโอ มีโปรแกรมการฝึกที่หลากหลาย เช่น เน้นท้อง ก้น หรือทั่วร่างกาย เป็นต้น มาพร้อมกับฟีเจอร์เชื่อมต่อกับโปรแกรมกูเกิ้ลฟิต เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับการเผาผลานไขมัน และสามารถเช็คผลที่กระทำมาได้อีกด้วย

4 | Seven – 7 Minutes Workout

 

Seven – 7 Minutes Workout เป็นแอปออกกำลังกายที่ผมหามาต่อเนื่องจากแอป วิธีออกกำลังกาย ภายใน30 วัน เพราะแอป Seven – 7 Minutes Workout ถูกออกแบบมาให้เราได้ออกกำลังกายเพียง 7 นาทีต่อวันเท่านั้น

Seven – 7 Minutes Workout ถูกคิดค้นขึ้นมาผ่านการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในการออกกำลังกายในเวลาที่สั้น และง่ายที่สุด ผ่านการกำหนดค่าอย่างเป้าหมาย ความยากง่าย หลังจากนั้นตัวแอปจะช่วยซัพพอร์ตเราต่อเอง อย่างไรก็ตาม ท่าต่างๆ ที่สอนบนแอป Seven – 7 Minutes Workout จะเน้นเป็นท่าง่ายๆ ที่เราสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใดๆ ก็ตาม

5 | Nike Run Club

 

Nike Run Club เป็นแอปออกกำลังกายตัวสุดท้าย ที่ผมหามาเพื่อคนสายวิ่งโดยเฉพาะ แน่นอนว่าทั้ง 4 แอปก่อนหน้านี้ทั้งหมด ล้วนเป็นแอปสำหรับออกกำลังกายด้วยท่วงท่าต่างๆ เท่านั้น แต่สำหรับแอป Nike Run Club จะถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการวิ่งโดยเฉพาะ

Nike Run Club มีฟีเจอร์สำหรับการวิ่งที่น่าสนใจอยู่หลากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการจับเส้นทางที่เราวิ่ง ข้อมูล อีกทั้งยังมี Guided Runs และ My Coach ที่ทำให้เราสามารถพัฒนาการวิ่งให้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ได้ โดย My Coach จะมีฟีเจอร์ที่ทำให้เราตั้งค่าตามที่ต้องการ เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง จำนวนวันที่สามารถวิ่งได้ในแต่ละสัปดาห์ เป็นต้น แล้วทางแอปจะคำนวณ จัดตารางการวิ่ง และหาวิธีการที่ดีที่สุดให้กับตัวเราโดยเฉพาะ

สิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะเขียนฝากไว้ก็คือ ต่อให้แอปออกกำลังกายมีฟีเจอร์ที่เจ๋ง ครบถ้วน และยอดเยี่ยมขนาดไหน แต่สุดท้ายแล้ว หากผู้ใช้งานอย่างเราๆ ไม่รู้จักที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำ หรือเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทั้งการจัดสรรเวลา หรือควบคุมอาหารการกิน ตัวแอปก็ไม่สามารถช่วยให้สุขภาพ และหุ่นของเราดีได้หรอก


บทความนี้เรียบเรียงขึ้นโดย ทีมงาน MOVER

mover.in.th@gmail.com
Tags